นางพรทิวา กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ใหม่เป็นพลิกการมองภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ที่จะปรับโครงสร้างจากระฆังหงาย ที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักถึง 70% ให้กลับมาเป็นระฆังคว่ำ ที่พึ่งพาในประเทศมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดวิกฤตภายนอกประเทศ การส่งออกก็จะกระทบไปด้วย ยุทธศาสตร์ใหม่จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศเข้มแข็ง แม้มีปัญหาภายนอก ผลกระทบก็จะไม่มาก ยืนยันว่า ไม่ใช่ลดความสำคัญของส่งออก เรายังต้องดันการส่งออกต่อไป เป็นการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ.
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมยุทธศาสตร์การค้าไทยว่า กำหนด 7 ยุทธศาสตร์การค้าไทย เพื่อสร้างความมั่นคงบนรากฐานเศรษฐกิจภายในประเทศให้แข็งแรง ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้เข้มแข็ง และเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจภายในประเทศให้เป็น 40% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภายใน 5 ปี หรือภายในปี 57 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 30% ของจีดีพี ขณะที่พึ่งพาการส่งออกมากถึง 70% และทำให้สัดส่วนเป็น 50 ต่อ 50 เพื่อลดผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย
สำหรับ 7 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างการผลิตภายในประเทศ และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ โดยเน้นการบริหารจัดการและมีผู้ดูแลรายสินค้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พัฒนาระบบตลาดและขยายช่องทางการค้า เน้นส่งเสริมพัฒนาและสร้างตลาดใหม่ เร่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการทุกระดับให้เป็นธุรกิจไทย เข้มแข็ง สนับสนุนให้องค์ประกอบ (ปัจจัยสนับสนุน) ทางการค้า เอื้อต่อความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาการค้าทั้งในและต่างประเทศ เช่น ความคล่องตัวทางการเงิน อัตราแลกเปลี่ยน เสริมสร้างพาณิชย์ภูมิปัญญา ที่มีนวัตกรรมและเศรษฐกิจภูมิปัญหาท้องถิ่น ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการค้าภูมิภาคและค้าชายแดน และพัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นางพรทิวา กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ใหม่เป็นพลิกการมองภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ที่จะปรับโครงสร้างจากระฆังหงาย ที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักถึง 70% ให้กลับมาเป็นระฆังคว่ำ ที่พึ่งพาในประเทศมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดวิกฤตภายนอกประเทศ การส่งออกก็จะกระทบไปด้วย ยุทธศาสตร์ใหม่จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศเข้มแข็ง แม้มีปัญหาภายนอก ผลกระทบก็จะไม่มาก ยืนยันว่า ไม่ใช่ลดความสำคัญของส่งออก เรายังต้องดันการส่งออกต่อไป เป็นการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ.
ที่มา...เดลินิวส์ |