คาโมไมล์มีสรรพคุณมากมายเมื่อนำไปผสมเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ผ่อนคลาย แก้ความทรู้สึกไม่สบายในท้อง เช่น ปวดเกร็ง ท้องแน่นอืดท้องเฟ้อ ช่วยย่อย แก้กระวนกระวาย แก้เครียด สงบ ระงับ ช่วยให้นอนหลับ ลดไข้ แผลในกระเพาะอาหาร แก้ปวดระดู ปวดเกร็งในกล้ามเนื้อ ต้านเชื้อโรคที่ไม่ร้ายแรง ลดอาการปวดบวมในข้อ คาร์โมไมล์เป็นสมุนไพรต้นเล็กๆ ขนาดเท่าดาวเรืองหรือดาวกระจาย ทั้งต้นและดอกก็คล้ายๆ กัน แต่อายุยืนกว่า อยู่ได้หลายปี ลักษณะคล้ายดอกแอสเตอร์ อยู่ในวงศ์ดาวเรือง ( Asteraceae ) พืชที่รู้จักกันดีเช่นแอสเตอร์และทานตะวัน ลักษณะใบเป็นฝอยเล็กๆ คล้ายดาวกระจายสายพันธ์ใหม่ๆ ใบเป็นเส้นละเอียดเป็นเส้นชี้ๆ คาร์โมไมล์มีทั้งดอกเดี่ยวและดอกซ้อน ส่วนมากดอกซ้อนใช้ในการทำยา ฤทธิ์ด่างอาจจะทำลายกระเพาะได้
การใช้ในปัจจุบัน
ทุกวันนี้ทางแพทย์ใช้คาร์โมไมล์ในทางหมอสมุนไพร สรรพคุณโดยทั่วไปคือช่วยสงบประสาท ลดเครียด บรรเทาความไม่สบายในท้องจากการย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ช่วยลดอาการบวมการระคายเคืองที่ผิวหนัง จึงใช้ได้ดีกับโรคผิวหนังอักเสบ รวมถึงผิวไหม้แดด คาร์โมไมล์ทำให้แผลหายเร็ว ลดการอักเสบจากแผลกระแทก ห้อเลือด เอ็นอักเสบ กล้ามเนื้อบวมจากการใช้งานหักโหม ข้อดีประการหนึ่งคือ มีฤิทธ์อ่อนเพียงพอกับทารกและเด็ก ส่วนแม่บ้านชาวยุโรปใช้กับเด็กที่ร้องไห้โยเยจากการท้องอืดท้องเฟ้อ มีไข้ ปวดฟัน
ในแง่ความงาม
มีการศึกษาฤทธิ์ของคาโมไมล์พบว่า สามารถช่วยลดอาการผิวแห้ง คัน แดง อักเสบ ระคายเคืองเมื่อใช้เป็นประจำ และช่วยลดอาากรเส้นเลือดฝอยแตกง่าย ส่วนนำมันสามารถดูแลสุขภาพหนังศรีษะ ทำให้เส้นผมเป็นมันเงา
ผลต่ออารมณ์
กลิ่นของคาร์โมไมล์บรรเทาอาการซึมเศร้าและสงบประสาทอย่างอ่อนโยน เมื่อเทียบกับยาในปัจจุบันที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทค่อนข้างแรง จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นสมุนไพรกลางบ้านที่มีฤทธิ์อ่อนและปลอดภัย เหมาะที่จะชงเป็นชาดื่นก่อนนอน ทำให้คลายเครียด คลายวิตกกังวล ช่วยให้นอนหลับสนิทและนอนเต็มตื่นมากขึ้น
ที่มา: http://baralispa.multiply.com/journal/item/4/4?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem
|