การทดสอบแรงดัน Hydrostatic Test หรือ ที่เรารู้จักกันในกระบวนการทดสอบ "ภาชนะรับแรงดัน" โดยการใช้ "น้ำ" ในกระบวนการอัดแรงดันเพื่อทดสอบ 1. ทำการปิดอุปกรณ์นิรภัยแบบระบายหรือ Safety relieve Valve บริเวณด้านบนของถังภาชนะรับแรงดันด้วยหน้าแปลนชนิดปิดสนิทและทำการปิดวาล์วทั้งหมดก่อนการอัดด้วยความดันไฮโดรสตาติกเทสต์ (Hydrostatic Test) 2. หลังจากทำการปิดทางออกของน้ำแล้ว ให้ตรวจด้วยสายตา ตามมาตรฐานการตรวจสอบด้วยวิธีพินิจ (Method for visual examination) บริเวณภายนอกของถังภาชนะรับแรงดันที่ทำการทดสอบ เพื่อหาสภาพการผุกร่อนของถัง รวมไปถึงสภาพบกพร่องอื่นๆ (คุณสมบัติของผู้ตรวจสอบและทดสอบเป็นไปตามมาตรฐานผู้ตรวจสอบ และทดสอบโดยไม่ทำลาย)
3.หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบด้วยวิธีพินิจ ให้ทำการเติมน้ำในถังภาชนะรับแรงดันจนเต็ม เพื่อทดสอบด้วยการอัดความดันไฮโดรสตาติกเทสต์ (Hydrostatic Test) โดยมีของไหลตัวกลางคือ น้ำ ที่แรงดัน 1.5 เท่าของแรงดันออกแบบ 4. ให้คงแรงดันทดสอบไว้อย่างต่ำ เป็นระยะเวลาครึ่งชั่วโมง เพื่อทำการตรวจสอบหาจุดรั่วซึม ปริบวม หรือสภาพการ แตก ของถังภาชนะรับแรงดัน ว่าสามารถทนแรงดันทดสอบได้ หร้ อไม่ - หากพบจุดบกพร่องให้ทำการแก้ไข ณ จุดหรือตำแหน่งที่มีปัญหานั้นๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ปัญหาที่มักพบจะเกิดที่ บริเวณของรอยต่อ / แนวเชื่อม ที่ใช้งาน หรือบริเวณหน้าแปลน(Flange) เป็นต้น - หากไม่พบจุดบกพร่อง หรือรอยรั่ว ซึม ปริบวมใดๆแล้ว เมื่อครบระยะเวลาในการคงแรงดันทดสอบแล้ว ให้ทำการลดแรงดันทดสอบลงมาที่แรงดันปกติ 5. ภายหลังจากการทดสอบ Hydrostatic Test เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการวัดความหนาของถังภาชนะรับแรงดัน ด้วยเครื่องมือวัดความหนา UTM (Ultrasonic Thickness Measurement) โดยทำการสุ่มวัดความหนาที่ตัวถัง (Shell) และหัวถัง (Head) เพื่อนำค่าจากการวัดจริงที่ได้ ไปเทียบกับค่าการคำนวณตามแบบของถังเก็บและจ่าย ซึ่งค่าจากการวัดจริงต้องได้ไม่น้อยกว่าค่าการคำนวณตามแบบของถังเก็บและจ่าย หลังจากทดสอบ Hydrostatic Test และวัดความหนาของถังภาชนะรับแรงดันเสร็จสิ้น ให้ทำการทดสอบเซฟตี้วาล์วตามค่าที่กำหนดไว้ เพื่อดูการทำงานของเซฟตี้วาล์ว ว่าสามารถใช้งานได ้ หรือไม่ - หากพบวาไม่สามารถใช้งานได ้ ให้ทำการเปลี่ยนเซฟตี้วาล์วเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานภาชนะรับแรงดัน
|